วันอังคารที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2561

หลากสรรพคุณ... 20 สมุนไพรไทยที่ใคร ๆ ก็รู้จัก

สมุนไพรไทยยอดฮิต 20 ชนิดที่ทุกคนรู้จักชื่อเสียงเรียงนามกันดี ว่าแต่รู้จักสรรพคุณครบถ้วนแล้วหรือยัง


สมุนไพรไทย

          กับอาการเล็ก ๆ น้อย ๆ อย่างปวดศีรษะ ปวดท้อง เจ็บคอ ไอ น้ำร้อนลวก มดกัด ยุงกัด ท้องเสีย ท้องอืด ฯลฯ หลายคนมักจะเลือกใช้ยาแผนปัจจุบัน โดยคิดว่าเป็นวิธีที่รวดเร็วทันใจดี แต่ลองชะเง้อมองซิว่า รอบ ๆ บ้านมีพืชสมุนไพรไทยอะไรปลูกอยู่หรือเปล่า เพราะพืชสมุนไพรเหล่านี้สามารถนำมาใช้รักษาอาการเล็ก ๆ น้อย ๆ เหล่านี้ ได้ผลชะงัดนักแล แถมบางชนิดยังสามารถบรรเทาอาการโรคยอดฮิตได้ด้วยนะ

          วันนี้ กระปุกดอทคอม ก็เลยขอหยิบสมุนไพรไทย 20 ชนิด ที่คนรู้จักดี มาบอกเล่าเก้าสิบถึงสรรพคุณให้ทราบกันอีกครั้ง


ว่านหางจระเข้
ว่านหางจระเข้

ว่านหางจระเข้

          ไม้ล้มลุกใบใหญ่หนาที่ทุกคนรู้จักกันดี แม้ถิ่นกำเนิดจะอยู่ไกลถึงฝั่งเมดิเตอร์เรเนียน และแอฟริกา แต่ในประเทศไทยก็มีการปลูกว่านหางจระเข้อย่างแพร่หลาย ซึ่งในตำรับยาไทยก็ใช้ว่านหางจระเข้บำบัดอาการต่าง ๆ ได้มากมาย จนเป็นที่รู้จักว่า เป็นพืชอัศจรรย์ที่มีสรรพคุณสารพัดประโยชน์

          โดย "วุ้นในใบสด" สามารถนำมาบรรเทาอาการปวดศีรษะได้ แต่สรรพคุณเด่น ๆ ที่ทุกคนน่าจะรู้จักก็คือ นำมาพอกแผลน้ำร้อนลวก ไฟไหม้ แก้ปวดแสบปวดร้อน แผลเรื้อรัง รักษาผิวที่ถูกแดดเผา แผลในกระเพาะอาหาร และช่วยถอนพิษได้ เพราะว่านหางจระเข้มีสรรพคุณช่วยสมานแผล แต่มีข้อแนะนำว่า ก่อนใช้ควรทดสอบดูก่อนว่าแพ้หรือไม่ โดยเอาวุ้นทาบริเวณท้องแขนด้านใน ถ้าผิวไม่คันหรือแดงก็ใช้ได้ นอกจากส่วนวุ้นในใบสดแล้ว ส่วน "ยางในใบ" ก็สามารถนำมาทำเป็นยาระบายได้ และส่วน "เหง้า" ก็นำไปต้มน้ำรับประทาน แก้โรคหนองในได้

ขมิ้นชัน
ขมิ้นชัน

ขมิ้นชัน

          เรียกกันทั่วไปว่า "ขมิ้น" เป็นไม้ล้มลุกมีสีเหลืองอมส้ม มีเหง้าอยู่ใต้ดิน มีกลิ่นหอม คนนิยมนำ "เหง้า" ทั้งสดและแห้งมาใช้รักษาอาการที่เกี่ยวกับกระเพาะอาหาร รวมทั้งแก้ท้องเสีย ท้องร่วง จุกเสียดแน่นท้อง และสามารถนำขมิ้นชันมาทาภายนอก เพื่อใช้รักษาแผลเรื้อรัง แผลสด โรคผิวหนัง พุพอง รักษาชันนะตุ

          นอกจากนั้น "ขมิ้นชัน" ยังอุดมไปด้วยวิตามินเอ วิตามินซี วิตามินอี และสารต้านอนุมูลอิสระ "คูเคอร์มิน" ที่ช่วยป้องกันการเกิดมะเร็งตับ อีกทั้งยังสร้างภูมิคุ้มกันให้ผิวหนัง หรือใครที่มีแผลอักเสบ "ขมิ้นชัน" ก็มีสรรพคุณช่วยให้แผลหายเร็วขึ้น เพราะมีฤทธิ์ไปลดการอักเสบ ฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่ทำให้เกิดหนอง และหากรับประทานขมิ้นชันทุกวัน ตามเวลาจะช่วยให้ความจำดีขึ้น ไม่อ่อนเพลียยามตื่นนอน และช่วยให้ระบบขับถ่ายดีขึ้น


สมุนไพรไทย
ทองพันชั่ง

ทองพันชั่ง

          เป็นสมุนไพรที่มีคุณค่าไม่ต่างไปจากชื่อ "ทองพันชั่ง" หลายพื้นที่อาจเรียกว่า "ทองคันชั่ง" หรือ "หญ้ามันไก่" เป็นไม้พุ่มขนาดเล็ก ออกดอกสีขาว ส่วนที่ใช้ทำยาคือ ใบและราก ที่หากนำปริมาณ 1 กำมือมาต้มรับประทานเช้าเย็น จะช่วยดับพิษไข้ รักษาโรคผิวหนัง ริดสีดวงทวารหนัก แก้ไอเป็นเลือด ฆ่าพยาธิ นอกจากนั้น ยังสามารถนำใบและรากมาตำละเอียด เพื่อรักษาโรคกลาก เกลื้อน 

          นอกจากสรรพคุณข้างต้นแล้ว มีการศึกษาวิจัยเพิ่มเติมพบว่า "ทองพันชั่ง" มีฤทธิ์ยับยั้งมะเร็งเยื่อบุช่องปาก มะเร็งเต้านม และมะเร็งมดลูกได้ รวมทั้งช่วยขับปัสสาวะ ลดความดันโลหิตสูง แก้ผมร่วง รักษาโรคนิ่ว ฯลฯ แต่ข้อควรระวังคือ ผู้ที่เป็นโรคโลหิตจาง โรคหัวใจ โรคหืด โรคความดันโลหิตต่ำ โรคมะเร็งในเม็ดเลือด ไม่ควรรับประทาน


กะเพรา
กะเพรา

กะเพรา

          แม้จะเป็นผักที่คนไทยนิยมสั่งมารับประทานเวลาที่นึกไม่ออก แต่ก็มีน้อยคนที่จะรู้ว่า กะเพรา มีสรรพคุณอะไรบ้าง ที่เห็นชัด ๆ เลยก็คือ ใบกะเพรา มีฤทธิ์ขับลม ช่วยแก้จุดเสียด แน่นท้อง แก้ปวดท้องอุจจาระ ส่วนน้ำสกัดทั้งต้น สามารถรักษาแผลในกระเพาะอาหาร สำหรับเมล็ดกะเพรา ก็สามารถพอกตาให้ผงหรือฝุ่นที่เข้าตาหลุดออกมาได้อย่างง่ายดาย นอกจากนั้นแล้ว รากกะเพราแห้ง ๆ ยังนำมาชงกับน้ำร้อนดื่มแก้โรคธาตุพิการได้

          และสรรพคุณเด็ดของกะเพราอีกประการก็คือ ช่วยขับไขมันและน้ำตาล เคยสงสัยบ้างไหมล่ะ ทำไมอาหารตามสั่งต้องมีเมนูผัดกะเพราเนื้อ กะเพราไก่ กะเพราหมู นั่นก็เพราะนอกจากใบกะเพราจะช่วยดับกลิ่นคาวของเนื้อสัตว์ได้แล้ว ยังมีฤทธิ์ขับไขมัน และน้ำตาลส่วนเกินออกจากร่างกาย อีกทั้ง กะเพราจะช่วยขับน้ำดีในตับออกมาให้ช่วยย่อยไขมันได้ดีขึ้นด้วย เพราะฉะนั้น หากบอกว่า รับประทานกะเพราแล้วจะช่วยป้องกันโรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน โรคหลอดเลือดอุดตัน โรคหัวใจ ก็คงไม่ผิดนัก


สมุนไพรไทย
กระชายดำ

กระชายดำ

          สมุนไพรแสนมหัศจรรย์ของท่านชาย (อิอิ) เพราะสรรพคุณของกระชายดำที่ได้รับการกล่าวขานกันมากก็คือ สรรพคุณเพิ่มพลังทางเพศ หรือแก้โรคกามตายด้าน เนื่องจากฤทธิ์ของกระชายดำจะไปบำรุงกำลัง เพิ่มฮอร์โมนให้หนุ่ม ๆ ทำให้สมรรถภาพทางเพศเพิ่มขึ้น

          แต่ใช่ว่า กระชายดำ จะมีประโยชน์แค่เรื่องเพิ่มพลังทางเพศเท่านั้นนะ เพราะกระชายดำยังสรรพคุณมากมาย ทั้งบำรุงหัวใจ บำรุงกำลัง เป็นยาเจริญอาหาร และบำรุงธาตุ แก้หัวใจสั่นหวิว แก้ลมวิงเวียนแน่นหน้าอก แผลในปาก ช่วยให้โลหิตหมุนเวียนดีขึ้น ผิวพรรณผ่องใส ขับปัสสาวะ แก้โรคกระเพาะ ฯลฯ และด้วยสรรพคุณอันแสนมหัศจรรย์มากมายขนาดนี้ กระชายดำ เลยถูกขนานนามว่าเป็น "โสมไทย" ซึ่งนิยมปลูกมากจนกลายเป็นพืชเศรษฐกิจของจังหวัดเลยทีเดียว

สมุนไพรไทย
ว่านชักมดลูก

ว่านชักมดลูก

          มาที่พืชสมุนไพรสำหรับสาว ๆ กันบ้าง แค่ชื่อก็บอกอยู่แล้ว เหมาะกับคุณสุภาพสตรีเป็นที่สุด เพราะเหง้าของว่านชักมดลูกมีสรรพคุณช่วยขับประจำเดือนในสตรีที่ประจำเดือนมาไม่ปกติ ส่วนผู้หญิงที่เพิ่งคลอดบุตร ว่านชักมดลูกก็จะช่วยบีบมดลูกให้เข้าอู่เร็วขึ้น ขับน้ำคาวปลา และรักษาโรคมดลูกพิการปวดบวมได้

          นอกจากนั้น ว่านชักมดลูก ยังแก้ริดสีดวงทวาร แก้ไส้เลื่อน แก้โรคลม รักษาอาการอาหารไม่ย่อย ขณะที่รากของว่านชักมดลูกสามารถใช้แก้ท้องอืดเฟ้อได้อีกต่างหาก


กระเจี๊ยบแดง
กระเจี๊ยบแดง

กระเจี๊ยบแดง

          หลายคนนำใบและยอดของกระเจี๊ยบแดงไปใส่ในแกง ซึ่งนอกจากจะช่วยเพิ่มรสเปรี้ยวในอาหารแล้ว ใบกระเจี๊ยบแดงยังแก้โรคพยาธิตัวจี๊ด แก้ไอ ละลายเสมหะ ส่วนดอกใช้แก้โรคนิ่วในไต นิ่วในกระเพาะปัสสาวะ ขัดเบา ละลายไขมันในเส้นเลือด

          แต่ส่วนที่มีสรรพคุณมากเป็นพิเศษก็คือ ส่วนกลีบเลี้ยงของดอก หรือกลีบที่เหลืออยู่ที่ผล สามารถช่วยลดไขมันในเส้นเลือด ลดน้ำหนัก ลดความดันโลหิต นำไปทำเป็นน้ำกระเจี๊ยบดื่มช่วยให้ร่างกายสดชื่น ลดความเหนียวข้นของเลือด ขับปัสสาวะ ป้องกันต่อมลูกหมากโตให้คุณผู้ชายได้ด้วย และมีการศึกษาทางวิทยาศาสตร์พบว่า หากรับประทานกระเจี๊ยบแดงต่อเนื่อง 1 เดือน จะทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดลดลง ระดับไขมันในเลือด ทั้งคอเลสเตอรอล ไตรกลีเซอไรด์ ไขมันเลว (LDL) ลดลง และยังเพิ่มไขมันชนิดดีคือ HDL ได้ด้วย

มะขามป้อม
มะขามป้อม

มะขามป้อม

          เป็นไม้ยืนต้นขนาดเล็ก-กลางที่จัดเป็นยาอายุวัฒนะ เพราะมีสรรพคุณเพียบในแทบทุกส่วนของต้น แต่ที่รู้จักกันดีก็คือ ผลของมะขามป้อมจะมีรสเปรี้ยวมาก ๆ แต่ก็ชุ่มคอ และให้วิตามินซีสูงมากเช่นกัน ดังนั้น จึงมีคนนำผลมะขามป้อมสดมาใช้เป็นยาแก้หวัด แก้ไอ ละลายเสมหะ รักษาโรคเลือดออกตามไรฟัน

          นอกจากนั้นแล้ว ส่วน "ราก" ยังแก้พิษตะขาบกัด แก้ร้อนใน ลดความดันโลหิต แก้โรคเรื้อน ส่วนเปลือก แก้โรคบิด และฟกช้ำ ส่วนปมก้าน ใช้เป็นน้ำยาบ้วนปาก แก้ปวดฟัน "ผลแห้ง" ใช้รักษาอาการท้องเสียง หนองใน เยื่อบุตาอักเสบ แก้ตกเลือด และส่วน "เมล็ด" ก็สามารถนำไปเผาไฟผสมกับน้ำมันพืช ทาแก้คัน แก้หืด หรือจะตำเมล็ดให้เป็นผง ชงกับน้ำร้อนดื่มแก้โรคเบาหวาน หอบหืด หลอดลมอักเสบก็ได้


ฟ้าทลายโจร
ฟ้าทะลายโจร

ฟ้าทะลายโจร

          ฟ้าทะลายโจร เป็นไม้ล้มลุก สูงประมาณ 30-70 เซนติเมตร ทุกส่วนมีรสขม สรรพคุณเด่น ๆ ที่ทุกคนรู้จักกันดีก็คือ ใช้เป็นยาแก้ไข้ แก้ไข้หวัดใหญ่ แก้ร้อนใน เพราะมีฤทธิ์ช่วยสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกาย หากรับประทานบ่อย ๆ จะช่วยป้องกันไม่ให้เป็นหวัดง่าย นอกจากเรื่องหวัดแล้ว ฟ้าทะลายโจรยังระงับอาการอักเสบ ต่อมทอนซิลอักเสบ ขับเสมหะ รักษาอาการท้องเสีย ลำไส้อักเสบ รักษาโรคตับ เบาหวาน โรคงูสวัด ริดสีดวงทวาร และรสขมของฟ้าทะลายโจรยังช่วยให้เจริญอาหารขึ้น

          ข้อควรระวัง ก็คือ คนที่มีอาการเจ็บคอเนื่องจากติดเชื้อ Streptococcus group A, ผู้ที่เป็นโรคหัวใจรูห์มาติค, มีอาการเจ็บคอ เนื่องจากมีการติดเชื้อแบคทีเรีย, เป็นความดันต่ำ และสตรีมีครรภ์ ไม่ควรทานฟ้าทะลายโจร  และหากใครทานแล้วเกิดปวดท้อง ปวดเอว วิงเวียนศีรษะ ใจสั่น ควรหยุดใช้ฟ้าทะลายโจร นอกจากนั้นแล้ว ยังไม่ควรรับประทานต่อเนื่องนานเกินไป เพราะอาจทำให้แขนขามีอาการชา หรืออ่อนแรงได้


ย่านาง ตำรับยาแก้ไข้ สมุนไพรอายุวัฒนะ
ย่านาง

ย่านาง

          ย่านางเป็นสมุนไพรรสจืด เป็นยาเย็น มีฤทธิ์ดับพิษร้อน คนจึงนำใบย่านางไปคั้นเป็นน้ำคลอโรฟิลล์ เพื่อเพิ่มความสดชื่น ปรับอุณหภูมิในร่างกาย และยังนำใบย่านางไปช่วยดับพิษไข้ ดับพิษของอาหาร แก้อาการผิดสำแดง แก้พิษเมา แก้เลือดตก แก้กำเดา ลดความร้อนได้ด้วย นอกจากใบแล้ว ส่วนอื่น ๆ ของย่านางก็มีประโยชน์เช่นกัน ทั้ง "ราก" ที่ใช้แก้ไข้พิษ ไข้หัด ไข้ฝีดาษ ไข้กาฬ ไข้ทับระดู "เถาย่านาง" ใช้แก้ไข ลดความร้อนในร่างกาย

          ขณะที่ข้อมูลทางเภสัชวิทยาระบุว่า ย่านาง ยังช่วยต้านมาลาเรีย ยับยั้งการหดเกร็งของลำไส้ ต้านฮีสตามีน ส่วนข้อมูลทางโภชนาการระบุว่า ย่านางมีเบต้าแคโรทีนในปริมาณสูง ซึ่งจะช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ ช่วยชะลอความเสื่อมของเซลล์ในร่างกาย แถมยังอุดมไปด้วยเส้นในอาหาร แคลเซียม เหล็ก ฟอสฟอรัส ย่านางจึงเป็นหนึ่งในจำนวนผักพื้นบ้านที่นักวิจัยแนะนำให้นำมาใช้ในรูปแบบอาหารเพื่อรักษาโรคมะเร็ง


ใบมะรุม
มะรุม

มะรุม

          พืชสมุนไพรสุดแสนมหัศจรรย์ เพราะนอกจากจะนำมาปรุงอาหารรับประทานแล้วได้รับสารอาหารอย่างวิตามินเอ วิตามินซี แคลเซียม โพแทสเซียม ใยอาหาร แล้ว มะรุม ยังเป็นยาวิเศษรักษาที่ทุกส่วนสามารถใช้รักษาได้สารพัดโรค

          เริ่มจาก "ราก" ที่จะช่วยบำรุงไฟธาตุ แก้อาการบวม "เปลือก" ใช้ประคบแก้โรคปวดหลัง ปวดข้อ รับประทานเป็นยาขับลมในลำไส้ "กระพี้" ใช้แก้ไขสันนิบาด "ใบ" มีแคลเซียม วิตามินซี และสารต้านอนุมูลอิสระสูงมาก ใช้แก้เลือดออกตามไรฟัน แก้อักเสบ มีฤทธิ์เป็นยาระบายอ่อน ๆ "ดอก" ช่วยบำรุงร่างกาย ขับปัสสาวะ ขับน้ำตา ใช้ต้มทำน้ำชาดื่มช่วยให้นอนหลับสบาย "ฝัก" ใช้แก้ไข้หัวลม "เมล็ด" นำมาสกัดเป็นน้ำมันใช้รักษาโรคปวดข้อ โรคเกาท์ รักษาโรคผิวหนังจากเชื้อรา และ "เนื้อในเมล็ดมะรุม" ใช้แก้ไอได้ดี รวมทั้งยังเพิ่มภูมิต้านทานให้ร่างกายได้ด้วย หากรับประทานเป็นประจำ แต่สำหรับคนที่เป็นโรคเลือด G6PD ไม่ควรรับประทานมะรุม

ชุมเห็ดเทศ
ชุมเห็ดเทศ

ชุมเห็ดเทศ

          ไม้พุ่มขนาดกลาง มีดอกสีเหลือง จัดเป็นอีกหนึ่งสมุนไพรที่มีสรรพคุณทางยามาก โดยชุมเห็ดเทศทั้งต้น มีฤทธิ์ขับพยาธิในลำไส้ รักษาซาง โรคผิวหนัง ถ่ายเสมหะ รักษาอาการฟกช้ำบวม รักษาริดสีดวง ดีซ่าน และฝี ส่วนลำต้น จะใช้เป็นยารักษาคุดทะราด กลากเกลื้อน ช่วยขับพยาธิ ขับปัสสาวะ รักษาอาการท้องผูก

          นอกจากต้นแล้ว ใบชุมเห็ดเทศก็ได้รับความนิยมในคนที่มีอาการท้องผูกเช่นกัน เพราะสามารถนำใบซึ่งมีฤทธิ์เป็นยาระบายอ่อน ๆ ไปต้มน้ำกินได้ หรือจะใช้อมบ้วนปากก็ได้เช่นกัน อย่างไรก็ตาม ไม่ควรใช้ติดต่อกันเป็นเวลานาน เพราะจะทำให้ท้องเสีย ซึ่งส่งผลให้มีการสูญเสียน้ำและเกลือแร่มากโดยเฉพาะโพแทสเซียม รวมทั้งอาจทำให้ดื้อยาได้

บอระเพ็ด
บอระเพ็ด

บอระเพ็ด

          เมื่อเอ่ยชื่อ "บอระเพ็ด" หลายคนคงรู้สึก "ขม" ขึ้นมาทันที แต่เพราะความที่เจ้าบอระเพ็ดมีรสขมนี่ล่ะ ถึงทำให้ตัวมันเต็มเปี่ยมไปด้วยสรรพคุณทางยามากมาย ดังสำนวนที่ว่า "หวานเป็นลม ขมเป็นยา"

          อย่างเช่น "ราก" สามารถนำไปดับพิษร้อน แก้ไข้พิษ ไข้จับสั่น ช่วยให้เจริญอาหาร "ต้น" ก็ช่วยแก้ไข้ได้เช่นกัน และยังช่วยบำรุงกำลัง บำรุงธาตุ แก้ร้อนใน แก้สะอึก แก้เลือดพิการ ส่วน "ใบ" นอกจากจะช่วยแก้ไข้ได้เหมือนส่วนอื่น ๆ แล้ว ยังช่วยแก้โลหิตคั่งในสมอง ขับพยาธิ แก้ปวดฝี ช่วยลดความร้อน ทำให้ผิวพรรณผ่องใส รักษาโรคผิวหนัง ผดผื่นคันตามร่างกาย

          มาถึง "ดอก" ช่วยฆ่าพยาธิในท้อง ในฟัน ในหู "ผล" ใช้แก้เสมหะเป็นพิษ แก้สะอึกได้ดี แต่ถ้านำทั้ง 5 ส่วน คือ ราก ต้น ใบ ดอก ผล มารวมกัน "บอระเพ็ด" จะกลายเป็นยาอายุวัฒนะเลยทีเดียว เพราะแก้อาการได้สารพัดโรค รวมทั้งโรคริดสีดวงทวาร ฝีในมดลูก เบาหวาน ฯลฯ



เสลดพังพอน

          "เสลดพังพอน" มี 2 ชนิด คือ "เสลดพังพอนตัวผู้" และ "เสลดพังพอนตัวเมีย" ซึ่งทั้งสองชนิดมีสรรพคุณเด่น ๆ คือ ใช้ถอนพิษ แต่ "เสลดพังพอนตัวผู้" จะมีฤทธิ์อ่อนกว่า และส่วนใบจะมีรสขมกว่า

          ลองไปดูสรรพคุณของ "เสลดพังพอนตัวผู้" กันก่อน "ราก" ช่วยแก้ตาเหลือง ตัวเหลือง กินข้าวไม่ได้ ถอนพิษงู แมลงสัตว์กัดต่อย แก้ปวดฟัน ส่วน "ใบ" ก็ช่วยถอนพิษแมลงสัตว์กัดต่อย และยังแก้ปวดแผล แผลจากของมีคมบาด แก้โรคฝี โรคคางทูม ไฟลามทุ่ง งูสวัด เริม ฝีดาษ แก้ฟกช้ำ น้ำร้อนลวก ยุงกัด แก้ปวดฟัน เหงือกบวม

          ส่วน "เสลดพังพอนตัวเมีย" จะนำรากมาปรุงเป็นยาขับปัสสาวะ ขับประจำเดือน แก้ปวดเมื่อยที่เอว ส่วน "ใบ" ซึ่งมีรสจืดจะนำมาสกัดทำเป็นยาใช้รักษาแผลผิวหนังชนิดเริม แผลร้อนในในปาก แผลน้ำร้อนลวกได้ นอกจากนั้น ส่วนทั้ง 5 คือ ราก ต้น ใบ ดอก ผล สามารถใช้ถอนพิษต่าง ๆ ได้ดี ทั้งพิษแมลงสัตว์กัดต่อย ตะขาบ แมลงป่อง รักษาอาการอักเสบ งูสวัด ลมพิษ แผลน้ำร้อนลวก


สมุนไพรไทย
มะแว้ง

มะแว้ง

          มีทั้ง "มะแว้งต้น" และ "มะแว้งเครือ" ที่มีสรรพคุณเด่น ๆ คือ ใช้เป็นยาแก้ไอ ขับเสมหะ เราจึงมักเห็นมะแว้งถูกนำมาผสมเป็นยาอมช่วยแก้ไอ ซึ่งตามตำรับยาแก้ไอแล้ว สามารถใช้ได้ทั้ง ราก ใบ ผล นอกจากนั้น ยังช่วยลดน้ำลายเหนียว บำรุงธาตุ รักษาวัณโรค แก้คอแห้ง ขับปัสสาวะ รักษาโรคทางไตและกระเพาะปัสสาวะ แก้โลหิตออกทางทวารหนัก และแก้โรคหอบหืด

          นอกจากนั้น ลูกมะแว้งเครือสามารถนำไปปรุงอาหาร ทานเป็นผักได้ ส่วนลูกมะแว้งต้นก็ใช้ปรุงอาหารได้เช่นกัน แต่คนนิยมน้อยกว่าลูกมะแว้งเครือ


รางจืด , ว่านรางจืด
รางจืด

รางจืด

          เมื่อพูดถึงสมุนไพรถอนพิษ หลายคนนึกถึง "รางจืด" หรือ "ว่านรางจืด" ทันที เพราะส่วนใบและรากของรางจืดสามารถปรุงเป็นยาถอนพิษยาฆ่าแมลงได้ มีประโยชน์ในเวลาที่หากใครเกิดเผลอทานยาฆ่าแมลง ยาพิษ หรือยาเบื่อเข้าไปโดยไม่ได้ตั้งใจ และอยู่ไกลโรงพยาบาล การทานรากรางจืดก็จะช่วยบรรเทาพิษในเบื้องต้นได้

          นอกจากนั้นแล้ว รางจืด ยังสามารถปรุงเป็นยาถอนพิษไข้ พิษแอลกอฮอล์ พิษสำแดง บรรเทาอาการเมาค้าง บรรเทาอาการผื่นแพ้ เป็นยาแก้ร้อนใน กระหายน้ำได้ แล้วรู้ไหมว่า ยังมีงานวิจัยจากกลุ่มหมอพื้นบ้านพบว่า การนำรางจืดไปต้มแล้วนำมาอาบจะช่วยทำให้ผิวพรรณผุดผ่อง และหากนำรากรางจืดมาฝนกับน้ำซาวข้าวแล้วนำไปทาหน้า จะทำให้หน้าขาว ไม่มีสิวฝ้า อุ้ย...สาว ๆ ยิ้มเลยทีนี้


กระวาน
กระวาน

กระวาน

          เป็นสมุนไพรไทยที่มีชื่อเสียงมากในต่างประเทศ มักพบขึ้นอยู่ตามป่าที่มีความชื้นสูง เช่น ป่าแถบเขาสอยดาว จังหวัดจันทบุรี รวมทั้งแถบจังหวัดตราด จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ มีสรรพคุณหลัก ๆ คือ ใช้เป็นยาขับลม บำรุงธาตุ แก้ท้องอืด ท้องเฟ้อ ผสมในยาถ่ายเป็นใช้ช่วยถ่ายท้องได้

          นอกจากนั้น "ราก" ยังช่วยฟอกโลหิต แก้ลม รักษาโรครำมะนาด "เมล็ด" ช่วยบำรุงธาตุ แก้ธาตุพิการ "เหง้าอ่อน" ใช้รับประทานเป็นผัก "หัวและหน่อ" ช่วยขับพยาธิในเนื้อให้ออกทางผิวหนัง "แก่น" ใช้ขับพิษร้าน รักษาโรคโลหิตเป็นพิษ "กระพี้" รักษาโรคผิวหนัง บำรุงโลหิต ส่วน "ใบ" ใช้แก้ลมสันนิบาต ขับเสมหะ แก้ไข้เซื่องซึม แก้จุกเสียด บำรุงกำลัง "ผลแก่" มีรสเผ็ดร้อนและมีกลิ่นหอมคล้ายการบูร มีฤทธิ์ขับลม ยับยั้งการเจริญของเชื้อแบคทีเรียบางชนิด

กานพลู
กานพลู

กานพลู

          ใครที่ปวดฟัน นี่คือสมุนไพรที่ช่วยรักษาอาการปวดฟันได้เป็นอย่างดี โดยตามตำรับยา ให้นำดอกที่ตูมไปแช่เหล้าขาว แล้วเอาสำลีไปชุบน้ำมาอุดรูฟัน จะช่วยบรรเทาอาการปวดฟันได้ เพราะน้ำมันหอมระเหยในกานพลูมีฤทธิ์เป็นยาชาเฉพาะที่ หรือจะเคี้ยวทั้งดอกแล้วอมไว้ตรงบริเวณที่ปวดฟันก็ได้ นอกจากนั้น ยังนำไปผสมน้ำเป็นน้ำยาบ้วนปาก ช่วยลดกลิ่นปาก แก้เลือดออกตามไรฟัน แก้รำมะนาด

          กานพลูยังมีฤทธิ์ลดการบีบตัวของลำไส้ ฉะนั้น ใครที่มีอาการปวดท้อง กานพลู ก็ช่วยลดอาการปวดท้อง ขับลม ลดอาการท้องอืดท้องเฟ้อ จุกเสียดจากการย่อยอาหารได้ เพราะจะไปช่วยขับน้ำดีมาย่อยไขมันได้มากขึ้น แถมยังกระตุ้นการหลั่งเมือก และลดภาวะกรดเกินในกระเพาะอาหาร


สมุนไพรไทย
หญ้าหนวดแมว

หญ้าหนวดแมว

          ไม้ล้มลุกขนาดเล็กที่มีสรรพคุณไม่น้อย โดย "ราก" สามารถใช้ขับปัสสาวะได้ "ใบ" ใช้รักษาโรคไต ช่วยขับกรดยูริกออกจากไต รักษาโรคเบาหวาน อาการปวดหลัง ไขข้ออักเสบ ลดความดันโลหิต "ต้น" ก็ใช้แก้โรคไต ขับปัสสาวะได้เช่นกัน และยังช่วยรักษาโรคนิ่ว โรคเยื่อจมูกอักเสบได้ โดยนำต้นสด หรือต้นแห้ง หรือใบอ่อน หรือใบตากแห้ง ไปชงกับน้ำ 1 แก้ว ดื่มวันละ 3 ครั้งก่อนอาหาร ห้ามนำไปต้ม และไม่ควรใช้ใบแก่ หรือใบสด เพราะมีฤทธิ์กดหัวใจ ทำให้ใจสั่นและคลื่นไส้ได้

          ข้อควรระวังก็คือ ผู้ที่เป็นโรคหัวใจ ไต ห้ามรับประทาน เพราะในหญ้าหนวดแมวมีโพแทสเซียมสูงมาก และไม่ควรรับประทานหญ้าหนวดแมวร่วมกับแอสไพริน เพราะจะยิ่งทำให้ยาจำพวกแอสไพรินไปจับกล้มเนื้อหัวใจมากขึ้น

สรรพคุณใบบัวบก ประโยชน์เลอค่า
บัวบก

บัวบก

          หลายคนอาจเคยดื่มน้ำใบบัวบก ที่เมื่อดื่มเข้าไปแล้วช่วยแก้ร้อนใน แก้ช้ำใน ลดการกระหายน้ำได้ดีนักแล ซึ่งนอกจากใบบัวบกจะนำมาคั้นน้ำดื่มได้แล้ว ยังสามารถนำไปทาแผล ช่วยบรรเทาอาการฟกช้ำของแผลได้ด้วย เพราะในใบมีกรดมาดีคาสสิค (madecassic acid) และกรดเอเซียติก (asiatic acid) ที่มีฤทธิ์สมานแผน ไม่ว่าจะเป็นแผลสด แผลเรื้อรัง แผลไฟไหม้ น้ำร้อนลวก หรือแผลหลังผ่าตัด ใบบัวบกจะช่วยการอักเสบและทำให้แผลหายเร็วขึ้น

          นอกจากนั้น ใบบัวบกยังช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุทำให้เกิดเชื้อเป็นหนองในได้  วิธีการใช้ก็ง่าย ๆ นำใบบัวบกสดทั้งต้น 1 กำมือ ล้างน้ำให้สะอาด แล้วตำให้ละเอียด เอาน้ำมาทาบริเวณที่เป็นแผลเป็นบ่อย ๆ ใช้กากพอกด้วยก็ได้ จะช่วยลดอาการอักเสบและทำให้แผลหายเร็วขึ้น

          ส่วนต้นของใบบัวบก ก็มีสรรพคุณทางยามากมายไม่แพ้ใบ โดยสามารถใช้เป็นยาบำรุงกำลัง บำรุงหัวใจ แก้อ่อนเพลีย เมื่อยล้า แก้พิษงูกัด แก้ปวดศีรษะข้างเดียว ช่วยขับปัสสาวะ แก้เจ็บคอ ใช้เป็นยาห้ามเลือด ส่าแผลสด แก้โรคผิวหนัง ลดความดัน แก้ช้ำในได้เช่นกัน และถ้าใครชอบทำอาหาร อย่าลืมใส่ใบบัวบกลงผสมลงไปในเมนูของคุณด้วย เพราะในใบบัวบกมีสารอาหารเพียบ โดยเฉพาะวิตามินเอที่มีสูงมาก และยังให้คาร์โบไฮเดรต แคลเซียม ฟอสฟอรัส เหล็ก วิตามินบี 1 วิตามินบี 2 วิตามิน และไนอาซีน เรียกว่า คุณค่าครบเลยล่ะ

          จะเห็นได้ว่าสมุนไพรใกล้ตัวมากมายเหล่านี้มีประโยชน์อย่างที่นึกไม่ถึงมาก่อน แต่คำนึงไว้ด้วยว่า สมุนไพรจะรักษาโรคได้ต้องขึ้นอยู่กับวิธีการใช้สมุนไพรตามตำรับยาด้วย และที่สำคัญ คือสมุนไพรบางชนิดก็ไม่เหมาะกับคนที่ป่วยด้วยโรคบางประเภท หรือสตรีมีครรภ์ ดังนั้น ควรศึกษาข้อมูล และข้อควรระวังทุกครั้งก่อนจะใช้สมุนไพรจะดีที่สุดค่ะ 

10 เมนูผัดผักไร้เนื้อสัตว์ รวมจานเด็ดสุดเฮลธ์ตี้

10 เมนูผัดผักไร้เนื้อสัตว์ รวมจานเด็ดสุดเฮลธ์ตี้ 

 

10 เมนูผัดผักไร้เนื้อสัตว์

10 เมนูผัดผักไร้เนื้อสัตว์

     สายเนื้อถอยไป เพราะนาทีนี้ขอเอาใจสายผัก พบกับเมนูผัดผักไร้เนื้อสัตว์ จานอร่อยเพื่อคนรักผัก ทำวนไปดีต่อตับไตไส้พุงอย่างแรง

     เอาใจคนกินมังสวิรัติหรือคนไม่อยากกินเนื้อสัตว์สักหน่อยแล้วกัน วันว่าง ๆ แบบนี้ลองมาทำเมนูผัดผัก ไม่ ใส่เนื้อสัตว์กันดีไหม กระปุกดอทคอมขอนำเสนอวิธีทำเมนูผัดผักไร้เนื้อสัตว์ เช่น กะหล่ำปลีผัดน้ำปลา ผัดบวบใส่ไข่ ใบเหลียงผัดไข่ ผัดผักบุ้งไฟแดง และเมนูผักเพื่อสุขภาพอีกเพียบ เหมาะเป็นกับข้าวง่าย ๆ ทำเองที่บ้านจริงเชียว

10 เมนูผัดผักไร้เนื้อสัตว์

1. กะหล่ำปลีผัดน้ำปลา

     แค่มีกะหล่ำปลีหัวเดียวก็เนรมิตเมนูผัดผักไร้เนื้อสัตว์จานอร่อยได้แล้ว พบกับกะหล่ำปลีผัดน้ำปลา จับผักผัดกับน้ำปลาจนกลิ่นหอม อยากกินแบบกรอบก็ผัดแป๊บเดียว ถ้าอยากกินแบบนิ่มก็ใส่น้ำเปล่าลงไปและผัดนานหน่อย คดข้าวสวยมารอเลยเพื่อน

ส่วนผสม กะหล่ำปลีผัดน้ำปลา   ​​  ​​​​ ​​​​​​•​ กะหล่ำปลี 1 หัว
   ​​  ​​​​ ​​​​​​•​ กระเทียม 2 หัว
   ​​  ​​​​ ​​​​​​•​ น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ
   ​​  ​​​​ ​​​​​​•​ น้ำมันพืชเล็กน้อย (สำหรับผัด)

วิธีทำกะหล่ำปลีผัดน้ำปลา     1. หั่นกะหล่ำปลีเป็นชิ้นเล็ก ๆ แล้วดึงแยกออกจากกัน นำไปล้างให้สะอาด เตรียมไว้
     2. ใส่น้ำมันพืชลงในกระทะ นำขึ้นตั้งไฟแรง พอน้ำมันร้อนใส่กระเทียมลงไปเจียวจนหอม
     3. ใส่กะหล่ำปลีลงไปในกระทะ (ยังไม่ต้องผัด) ให้ทิ้งไว้ 10 วินาทีก่อน จากนั้นค่อย ๆ ผัดให้กะหล่ำปลีโดนความร้อนทั่ว ๆ แต่ยังไม่ต้องสุกมาก
     4. ราดน้ำปลาลงไปรอบ ๆ ขอบกระทะ (ยังไม่ต้องผัด) รอจนมีกลิ่นน้ำปลาหอม ๆ ลอยขึ้นมาก่อน แล้วค่อยผัดให้ทุกอย่างเข้ากัน พอผัดจนกะหล่ำปลีสุกแล้ว ตักใส่จาน พร้อมเสิร์ฟ

     + ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ กะหล่ำปลีทอดน้ำปลา อาหารไทยสุดง่าย อร่อยได้ไม่ยุ่งยาก

++++++++++++++++++

10 เมนูผัดผักไร้เนื้อสัตว์

2. ผัดบวบใส่ไข่

     ผัดผักจานนี้แทบไม่ต้องเคี้ยวเลยเพราะนิ่มมาก ขอนำเสนอเมนูผัดบวบใส่ไข่ จะใช้ไข่ไก่เหมือนในสูตรหรือใช้ไข่เป็ดก็ได้นะคะ พอผัดจนบวบนิ่มและไข่สุกก็อย่ารอช้า ตักมาโปะข้าวร้อน ๆ เลยจ้า

ส่วนผสม บวบผัดไข่   ​​  ​​​​ ​​​​​​•​ บวบอ่อน 1 ลูก
   ​​  ​​​​ ​​​​​​•​ กระเทียม 5-6 กลีบ
   ​​  ​​​​ ​​​​​​•​ ไข่ไก่ 2 ฟอง
   ​​  ​​​​ ​​​​​​•​ น้ำเปล่าเล็กน้อย
   ​​  ​​​​ ​​​​​​•​ น้ำตาลทราย (ปรุงรส)
   ​​  ​​​​ ​​​​​​•​ ซีอิ๊วขาว (ปรุงรส)
   ​​  ​​​​ ​​​​​​•​ น้ำมันพืช (สำหรับผัด)

วิธีทำบวบผัดไข่     1. ปอกเปลือกบวบออกแล้วหั่นเป็นท่อนเฉียงสั้น ๆ ล้างให้สะอาด พักให้สะเด็ดน้ำ
     2. ตั้งกระทะใส่น้ำมันพืชพอร้อน ใส่กระเทียมลงเจียวให้หอม ตามด้วยบวบ เติมน้ำเปล่าลงไปเล็กน้อย พอบวบใกล้สุก ปรุงรสด้วยซีอิ๊วขาวและน้ำตาลทราย
     3. ใช้ทัพพีเกลี่ยบวบไปข้างกระทะ ตอกไข่ใส่ลงไป ยีไข่ให้แตกตัว จากนั้นตักบวบลงมาไว้บนไข่ ผัดจนไข่สุก ตักใส่จาน

     + ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ ผัดบวบใส่ไข่ เมนูผัดผักง่าย ๆ นุ่มนิ่มอิ่มอร่อยได้ทุกมื้อ

++++++++++++++++++

10 เมนูผัดผักไร้เนื้อสัตว์

3. ใบเหลียงผัดไข่

     ใครที่ชอบกินอาหารใต้คงคุ้นเคยกับเมนูใบเหลียงผัดไข่เป็นอย่างดี ถ้าขี้เกียจต่อคิวซื้อกินที่ร้านก็ลองทำเองเลยสิคะ สูตรนี้ใส่น้ำมันหอยเพิ่มความกลมกล่อม ปรุงรสด้วยซีอิ๊วขาวและน้ำตาลทราย 

ส่วนผสม ใบเหลียงผัดไข่   ​​  ​​​​ ​​​​​​•​ ใบเหลียง (ตามชอบ)
   ​​  ​​​​ ​​​​​​•​ ไข่ไก่ 2 ฟอง
   ​​  ​​​​ ​​​​​​•​ กระเทียมสับหยาบ 1 ช้อนโต๊ะ
   ​​  ​​​​ ​​​​​​•​ น้ำมันหอย 1 ช้อนโต๊ะ
   ​​  ​​​​ ​​​​​​•​ ซีอิ๊วขาว 1/2 ช้อนโต๊ะ
   ​​  ​​​​ ​​​​​​•​ น้ำตาลทราย 1/2 ช้อนโต๊ะ
   ​​  ​​​​ ​​​​​​•​ น้ำมันพืช หรือน้ำมันมะกอก (สำหรับผัด)

วิธีทำใบเหลียงผัดไข่
     1. เจียวกระเทียมในน้ำมันพืชจนเหลืองหอม ใส่ใบเหลียงลงไปผัด พอใบเหลียงเริ่มสลด เขี่ยให้กระจาย ตอกไข่ใส่ลงไปตรงกลาง ยีไข่ด้วยปลายตะหลิวให้แตก
     2. โกยใบเหลียงลงมาไว้บนไข่ ปรุงรสด้วยน้ำมันหอย ซีอิ๊วขาว และน้ำตาลทราย ผัดจนไข่สุก ตักใส่จาน

     + ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ ใบเหลียงผัดไข่ อาหารไทยจากผักพื้นบ้านอร่อยมีประโยชน์

++++++++++++++++++

10 เมนูผัดผักไร้เนื้อสัตว์

4. ผัดผักบุ้งไฟแดง

     แค่ใช้ไฟแรงหน่อยก็ทำให้ผัดผักบุ้งจานนี้อร่อยเหมือนร้านแล้ว พบกับเมนูผัดผักบุ้งไฟแดง สูตรนี้ใส่เต้าเจี้ยวเพิ่มความอร่อย เติมสีสันด้วยพริกชี้ฟ้า ใครที่ชอบรสเผ็ดก็ใส่พริกขี้หนูลงไปด้วยเลยนะคะ

ส่วนผสม ผัดผักบุ้งไฟแดง
   ​​  ​​​​ ​​​​​​•​ ผักบุ้งจีน 1 กำ
   ​​  ​​​​ ​​​​​​•​ กระเทียมปอกเปลือกทุบ 1 ช้อนโต๊ะ
   ​​  ​​​​ ​​​​​​•​ พริกชี้ฟ้าทุบ 2 เม็ด
   ​​  ​​​​ ​​​​​​•​ เต้าเจี้ยว 1 ช้อนโต๊ะ
   ​​  ​​​​ ​​​​​​•​ น้ำมันหอย 2 ช้อนโต๊ะ
   ​​  ​​​​ ​​​​​​•​ น้ำตาลทราย 1/2 ช้อนโต๊ะ
   ​​  ​​​​ ​​​​​​•​ น้ำเปล่า 2 ช้อนโต๊ะ
   ​​  ​​​​ ​​​​​​•​ น้ำมันพืช 1 ช้อนโต๊ะ (สำหรับผัด)

วิธีทำผัดผักบุ้งไฟแดง     1. ตัดโคนผักบุ้งออก เด็ดเป็นท่อน นำไปแช่ในน้ำผสมด่างทับทิมทิ้งไว้สักครู่ จากนั้นล้างน้ำให้สะอาด พักให้สะเด็ดน้ำ เตรียมไว้
     2. นำผักบุ้งใส่จาน ใส่พริก กระเทียม เต้าเจี้ยว น้ำมันหอย น้ำตาลทราย และน้ำเปล่าลงไป
     3. ตั้งกระทะใช้ไฟแรง ใส่น้ำมันพืชลงไป พอน้ำมันร้อนจัดเทผักบุ้งที่เตรียมไว้ลงไป ผัดเร็ว ๆ พอให้ผักบุ้งสลด ปิดเตา ตักใส่จานเสิร์ฟ

     + ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ ผัดผักบุ้งไฟแดง เมนูผักกรอบอร่อยกลิ่นหอมสไตล์ไทย

++++++++++++++++++

10 เมนูผัดผักไร้เนื้อสัตว์

5. ผัดถั่วงอก

     ใครชอบกินถั่วงอกห้ามพลาด พบกับเมนูผัดถั่วงอกใส่เต้าหู้และขึ้นฉ่าย เติมความจัดจ้านจากพริกขี้หนู ผัดพอสุกจะได้ถั่วงอกเคี้ยวแบบกรุบ ๆ นะคะ

ส่วนผสม ผัดถั่วงอกใส่เต้าหู้
   ​​  ​​​​ ​​​​​​•​ กระเทียมสับ 1 ช้อนโต๊ะ
   ​​  ​​​​ ​​​​​​•​ เต้าหู้แข็ง (หั่นเป็นชิ้น) 
   ​​  ​​​​ ​​​​​​•​ ถั่วงอก
   ​​  ​​​​ ​​​​​​•​ พริกขี้หนูทุบพอแตก (ใส่หรือไม่ใส่ก็ได้)
   ​​  ​​​​ ​​​​​​•​ ซอสหอยนางรม 2 ช้อนโต๊ะ
   ​​  ​​​​ ​​​​​​•​ ซีอิ๊วขาว 1 ช้อนโต๊ะ
   ​​  ​​​​ ​​​​​​•​ น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ
   ​​  ​​​​ ​​​​​​•​ น้ำเปล่า 1/2 ถ้วย
   ​​  ​​​​ ​​​​​​•​ ขึ้นฉ่าย (หั่นท่อน)
   ​​  ​​​​ ​​​​​​•​ น้ำมันพืช (สำหรับผัด)

วิธีทำผัดถั่วงอกใส่เต้าหู้     1. ตั้งกระทะใส่น้ำมันลงไปพอร้อน ใส่กระเทียมลงไปเจียวพอหอม ตามด้วยเต้าหู้ลงไปผัดสักครู่
     2. เร่งไฟให้แรงใส่ถั่วงอกลงไป ตามด้วยพริกขี้หนู ปรุงรสด้วยซอสหอยนางรม ซีอิ๊วขาว และน้ำตาลทราย ใส่น้ำเปล่าลงไปเล็กน้อย รีบผัดให้เข้ากันจนสุกตามต้องการ ตบท้ายด้วยการโรยขึ้นฉ่ายผัดสักครู่ ตักขึ้นใส่จาน พร้อมเสิร์ฟ

     + ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ 3 เมนูผัดผัก พระกระยาหารโปรดแบบเรียบง่ายของในหลวง รัชกาลที่ 9

++++++++++++++++++

10 เมนูผัดผักไร้เนื้อสัตว์

6. ผัดคะน้ากรอบ


     และแล้วก็มาถึงเมนูผัดผักไร้เนื้อสัตว์จานโปรดนั่นคือ เมนูผัดคะน้ากรอบ สูตรจาก นิตยสาร Mother&Care สูตรนี้เลือกแต่ก้านคะน้าและยอดอ่อนผัดกับเห็ดหอม ปรุงรสด้วยเต้าเจี้ยวและน้ำมันหอย ใครไม่ชอบกินเผ็ดก็ไม่ต้องใส่พริกขี้หนูตำนะคะ

ส่วนผสม ผัดคะน้ากรอบ   ​​  ​​​​ ​​​​​​•​ ก้านคะน้าและยอดอ่อน
   ​​  ​​​​ ​​​​​​•​ เห็ดหอมสด
   ​​  ​​​​ ​​​​​​•​ พริกขี้หนูกับกระเทียมตำละเอียด
   ​​  ​​​​ ​​​​​​•​ เต้าเจี้ยว
   ​​  ​​​​ ​​​​​​•​ น้ำมันหอย
   ​​  ​​​​ ​​​​​​•​ น้ำตาลทราย
   ​​  ​​​​ ​​​​​​•​ น้ำมันสำหรับผัด

วิธีทำผัดคะน้ากรอบ     1. ล้างเห็ดหอม หั่นแบ่งชิ้นพอดีคำ
     2. ริดใบคะน้าแก่ออก เลือกแต่ส่วนยอดอ่อนหรือลอกเปลือกก้านคะน้าทิ้ง และหั่นเป็นท่อน ๆ
     3. ตั้งกระทะเติมน้ำมันเล็กน้อย พอร้อนจึงใส่พริกขี้หนูและกระเทียมตำลงไปผัดจนหอม ใส่เต้าเจี้ยวตามไป
     4. ใส่เห็ดหอมและก้านคะน้าลงไปผัด ปรุงรสด้วยน้ำมันหอยและน้ำตาลทราย อาจเติมน้ำสะอาดลงไปเล็กน้อย เพื่อไม่ให้แห้งเกินไป คลุกเคล้าทุกอย่างให้เข้ากัน รอจนสุก ตักใส่จาน

     + ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ ผัดคะน้ากรอบ เต้าเจี้ยว

++++++++++++++++++

10 เมนูผัดผักไร้เนื้อสัตว์

7. กะหล่ำปลีผัดน้ำแดง     กะหล่ำปลีผัดน้ำปลาดูธรรมดาไปเลยพอเจอเมนูกะหล่ำปลีผัดน้ำแดง สูตรจาก อาหารง่าย ๆ สไตล์ Rita สูตรนี้มีทีเด็ดที่ราดซอสเห็ดน้ำแดงลงบนกะหล่ำปลีผัด ลองทำดูแล้วจะติดใจ

ส่วนผสม กะหล่ำปลีผัดน้ำแดง   ​​  ​​​​ ​​​​​​•​ กะหล่ำปลี 600 กรัม
   ​​  ​​​​ ​​​​​​•​ เห็ด 150 กรัม
   ​​  ​​​​ ​​​​​​•​ ซอสเห็ดหอม 3 ช้อนโต๊ะ
   ​​  ​​​​ ​​​​​​•​ ซอสปรุงรส (เจ) 4 ช้อนโต๊ะ
   ​​  ​​​​ ​​​​​​•​ น้ำตาลทราย 1+1/2 ช้อนชา
   ​​  ​​​​ ​​​​​​•​ แป้งเท้ายายม่อม หรือแป้งมัน 1+1/2 ช้อนชา
   ​​  ​​​​ ​​​​​​•​ น้ำเปล่า 2/3 ถ้วยตวง
   ​​  ​​​​ ​​​​​​•​ น้ำมันพืช 4 ช้อนโต๊ะ

     หมายเหตุ : ถ้าใช้แป้งเท้ายายม่อม น้ำซอสจะข้นหนืดนานกว่าใช้แป้งมัน
วิธีทำกะหล่ำปลีผัดน้ำแดง     1. ผสมเครื่องปรุงทั้งหมดและแป้งเข้าด้วยกันแล้วพักไว้
     2. ใส่น้ำมันลงในกระทะ รอจนน้ำมันร้อนแล้วใส่กะหล่ำปลีลงไปผัดพอให้กะหล่ำปลีออกเกรียม ๆ พอกะหล่ำปลีได้ที่ก็ตักพักไว้ในจาน
     3. ใส่เห็ดลงไปผัดแค่พอเห็ดเกรียม ๆ แล้วใส่น้ำซอสที่ปรุงไว้ลงไปคนจนพอข้น ตักราดกะหล่ำปลีเป็นอันเสร็จ

     + ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ กะหล่ำปลีผัดน้ำแดง เมนูผัดผักไร้เนื้อสัตว์เจไม่เจก็กินได้

++++++++++++++++++

10 เมนูผัดผักไร้เนื้อสัตว์

8. ผัดยอดมะระ


     เมนูผัดยอดมะระหรือผัดยอดฟักแม้วไม่ค่อยมีขายตามร้านข้าวแกง ดังนั้นถ้าอยากกินก็ต้องทำเองแล้วล่ะ จับผักผัดกับกระเทียมและพริก ปรุงรสเค็มนิดหน่อย กินกับข้าวสวยหรือข้าวต้มก็อร่อย

ส่วนผสม ผัดยอดมะระ
   ​​  ​​​​ ​​​​​​•​ ยอดฟักแม้ว (ยอดมะระ)
   ​​  ​​​​ ​​​​​​•​ พริกชี้ฟ้าแดง ทุบพอแตก ปริมาณตามชอบ
   ​​  ​​​​ ​​​​​​•​ กระเทียมสับ 1 ช้อนโต๊ะ
   ​​  ​​​​ ​​​​​​•​ น้ำมันหอย
   ​​  ​​​​ ​​​​​​•​ ซีอิ๊วขาว
   ​​  ​​​​ ​​​​​​•​ น้ำตาลทราย
   ​​  ​​​​ ​​​​​​•​ น้ำมันพืชสำหรับผัด 1 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำผัดยอดมะระ     1. ล้างยอดฟักแม้วให้สะอาด เด็ดเอาเฉพาะยอดอ่อน ใส่กะละมังหรือจาน เตรียมไว้
     2. ใส่พริก และกระเทียมสับลงในกะละมังยอดฟักแม้วที่เด็ดเตรียมไว้ ตามด้วยน้ำมันหอย ซีอิ๊วขาว น้ำตาลทราย และน้ำเปล่าเล็กน้อย เตรียมไว้
     3. ใส่น้ำมันพืชลงในกระทะ นำขึ้นตั้งไฟแรง พอน้ำมันร้อนเทส่วนผสมลงผัด รีบผัดจนผักสุก ตักใส่จาน พร้อมเสิร์ฟ

     + ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ ผัดยอดฟักแม้ว ผัดผักกรอบอร่อย ทำง่ายนิดเดียว

++++++++++++++++++

10 เมนูผัดผักไร้เนื้อสัตว์

9. ต้นอ่อนทานตะวันผัดน้ำมันหอย

     สืบเนื่องจากเริ่มเบื่อสลัดต้นอ่อนทานตะวันเลยขอจับมาทำเมนูผัดผักสักจานดีกว่า ขอนำเสนอต้นอ่อนทานตะวันผัดน้ำมันหอย สูตรจาก คุณ kuky สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม สูตรนี้ใส่เห็ดหอมเพิ่มความอร่อยและกลิ่นหอมรัญจวน ใส่พริกชี้ฟ้าแดงเพิ่มสีสัน แค่ผัดพอสลดก็กินได้แล้ว

ส่วนผสม ต้นอ่อนทานตะวันผัดน้ำมันหอย   ​​  ​​​​ ​​​​​​•​ ต้นอ่อนทานตะวัน 1 ถุง
   ​​  ​​​​ ​​​​​​•​ เห็ดหอมสด (ผ่าครึ่ง)
   ​​  ​​​​ ​​​​​​•​ พริกชี้ฟ้าแดงซอย 2 เม็ด
   ​​  ​​​​ ​​​​​​•​ กระเทียมปอกเปลือกบุบพอหยาบ 5 กลีบ
   ​​  ​​​​ ​​​​​​•​ น้ำมันหอย (ปรุงรส)
   ​​  ​​​​ ​​​​​​•​ ซีอิ๊วขาว (ปรุงรส)
   ​​  ​​​​ ​​​​​​•​ น้ำมันพืช

วิธีทำต้นอ่อนทานตะวันผัดน้ำมันหอย
     1. ล้างต้นอ่อนทานตะวันให้สะอาด เลือกต้นที่เสียทิ้งไป
     2. ตั้งกระทะใส่น้ำมันพืชเล็กน้อย รอให้ร้อน จากนั้นใส่เห็ดหอมลงผัดจนสุกหอม
     3. ใส่ต้นอ่อนทานตะวันและพริกชี้ฟ้าลงไปผัด ใช้ไฟแรง ๆ
     4. เติมน้ำมันหอยและซีอิ๊วขาว ผัดให้เข้ากัน ผัดเร็ว ๆ พอแค่ผักสลด ปิดไฟ ตักใส่จาน

     + ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ ต้นอ่อนทานตะวันผัดน้ำมันหอย เมนูอร่อยจากผักออร์แกนิก

++++++++++++++++++

10 เมนูผัดผักไร้เนื้อสัตว์

10. ผัดดอกชมจันทร์


     เคยลองกันยัง ? ขอนำเสนอเมนูผัดดอกชมจันทร์ สูตรนี้ใส่พริกขี้หนูกับกระเทียมผัดกับผัก เติมน้ำมันหอยไปหน่อย พอผัดจนนิ่มก็จัดเสิร์ฟได้เลยจ้า

ส่วนผสม ผัดดอกชมจันทร์
   ​​  ​​​​ ​​​​​​•​ ดอกชมจันทร์ (ดึงเกสรออก) ล้างสะอาด
   ​​  ​​​​ ​​​​​​•​ พริกขี้หนู
   ​​  ​​​​ ​​​​​​•​ กระเทียม
   ​​  ​​​​ ​​​​​​•​ น้ำมันพืช สำหรับผัด
   ​​  ​​​​ ​​​​​​•​ น้ำมันหอย
   ​​  ​​​​ ​​​​​​•​ ซอสปรุงรส
   ​​  ​​​​ ​​​​​​•​ น้ำตาลทราย

วิธีทำผัดดอกชมจันทร์     1. โขลกพริกกับกระเทียมเข้าด้วยกัน เตรียมไว้
     2. ใส่น้ำมันลงในกระทะ นำขึ้นตั้งไฟพอร้อน ใส่พริกกับกระเทียมโขลกลงผัดจนหอม ใส่ดอกชมจันทร์ลงผัด เติมน้ำเปล่า ปรุงรสด้วยน้ำมันหอย ซอสปรุงรส และน้ำตาลทราย ผัดพอสุก ตักใส่จาน

     + ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ ดอกชมจันทร์ผัดน้ำมันหอย เมนูใหม่น่าลิ้มลอง

     ใครชอบกินผักเชื่อว่าเมนูผัดผักตอบโจทย์แน่นอน แม้จะไม่ใส่เนื้อสัตว์ก็อร่อยได้เหมือนกัน ลองจัดสักสามมื้อดูสิคะ กินกับข้าวต้มหรือข้าวสวยก็ได้ ไปเข้าครัวกันเลยดีกว่า

หลากสรรพคุณ... 20 สมุนไพรไทยที่ใคร ๆ ก็รู้จัก

สมุนไพรไทย ยอดฮิต 20 ชนิดที่ทุกคนรู้จักชื่อเสียงเรียงนามกันดี ว่าแต่รู้จักสรรพคุณครบถ้วนแล้วหรือยัง ...